วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ ของ บลูเบอร์รี่


      บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีผิวสีน้ำเงินเข้ม คนไทยไม่ค่อยนิยมเพราะเป็นผลไม้ในเมืองหนาว ส่วนใหญ่จะจำหน่าย ตามซุปเปอร์มาเก็ต สาขาใหญ่ๆ
แต่ว่าที่ประเทศ สหรัฐอเมริกานั้น เป็นที่นิยมกันมากในหมู่ผู้สูงอายุ เพราะผลการวิจัยพบว่า การกินผลไม้ชนิดนี้จะทำให้สุขภาพแข็งแรง และช่วยในเรื่องของความจำได้อีกด้วย
    ประโยชน์ของบลูเบอร์รี่ 
   - อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูง ที่ช่วยต้านการทำลายเซลล์ของร่างกาย
   -มีปริมาณใยอาหารสูงโดยเฉพาะเพคติน ที่ทำหน้าที่ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลใน  เลือด
   - ช่วยดูแลเส้นเลือดฝอยให้แข็งแรง
   - ช่วยชะลอความแก่ บำรุงร่างกายและช่วยให้ความจำดีขึ้นในคนชรา
   -มีส่วนช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายสูงวัย โดยจะมีผลให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น

ประโยชน์ ของ มะเฟือง



ครชอบทานมะเฟือง ทราบถึงประโยชน์หรือไม่ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝากกัน...

มะเฟือง เป็นผลไม้ที่มีรส เหมือนลูกพลัม สับปะรด มะนาว รวมกัน เวลาหั่นออกมาก็จะมีลักษณะเหมือนดาว มะเฟืองนับเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าไม่น้อย โดยในเนื้อแท้ของผลไม้ชนิดนี้จะประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่าง กายมากมาย

นักโภชนาศาสตร์ได้วิเคราะห์คุณค่าทางอาหารของมะเฟืองแล้วพบว่า

อุดม ไปด้วย วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 ไนอะซีน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมันเส้นใย แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็กและพลังงาน ในปริมาณไม่น้อยเลย

ดัง นั้นคุณค่าของมะเฟืองตามสารอาหารที่พบแล้วก็จะเห็นว่ามะเฟืองหนึ่งผลนั้น สามารถที่จะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงควบคุมการเต้นของหัวใจให้ สม่ำเสมอ ควบคุมกล้ามเนื้อ ช่วยให้เลือดแข็งตัวง่าย กล่อมประสาทช่วยระงับความฟุ้งซ่าน จึงช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นในผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ

ส่วนน้ำมะเฟืองคั้นนั้น ตำรายาโบราณกล่าวว่า

มี สรรพคุณในการแก้ร้อนใน ดับกระหาย ลดความร้อนภายในร่างกายถอนพิษก็ได้ เป็นยาขับเสมหะ ป้องกันโรคโลหิตจาง โรคเลือดออกตามไรฟัน รวมทั้งยังช่วยขับปัสสาวะ และบรรเทาอาการนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้อีกด้วย

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ ลองกอง

   


ลักษณะพันธุ์
    ลองกองเป็นผลผลิตมีคุณภาพดีที่สุด มีเมล็ดน้อยหรืออาจจะไม่มีเมล็ดเลย ใบมีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก คือมีสีเขียวเข้ม และมีร่องใบลึก ทำให้ดูเหมือนกับว่าใบ หยักเป็นคลื่น ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ

ลองกองแห้ง ผลสุกจะมีเนื้อในเป็นแก้ว เนื้อแห้ง หวานและมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน ส่วนเปลือกหนามีสีเหลืองคล้ำและไม่มียาง

ลองกองน้ำ ผลสุกจะมีเนื้อค่อนข้างฉ่ำน้ำ สีเปลือกเหลืองสว่างกว่า

ลองกองปาลาแมหรือลองกองแปร์แมร์ ผลสุกจะมีเนื้อนิ่ม กลิ่นไม่หอมเหมือนลองกองน้ำ เปลือกบางและมียางบ้าง
     

คุณค่าทางโภชนาการ
      ลองกอง เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินบีและฟอสฟอรัส มีสรรพคุณในการลดความร้อนที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย เมื่อรับประทานเป็นประจำจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นไข้ ตัวร้อน ลดอาการร้อนในช่องปาก
     

การนำไปใช้ประโยชน์
      ลองกองมีสรรพคุณในการลดความร้อนที่ เกิดขึ้นภายในร่างกายของมนุษย์ นอกจากนี้การรับประทานลองกองเป็นประจำก็ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการร้อน ในขึ้นภายในปากได้อีกด้วย

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ ฝรั่ง




เป็น ไม้ขนาดกลางที่เจริญเติบโตได้ดีในทุกภาคของประเทศไทย และให้ผลิตตลอดทั้งปี ฝรั่งในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นน้ำผลไม้ และฟรุตสลัด

 
 
ประโยชน์ต่อสุขภาพ
ทราบ หรือไม่ว่าฝรั่ง 1 ขีด มีวิตามินซีสูงถึง 180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึงไม่แก่ก่อนวัย และวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้เอง ที่ทำให้คอลลาเจน และอีลาสติเสื่อมสภาพ ผิวหนังเหี่ยวแห้ง เกิดริ้วรอยตีนกา วิตามินซีมีความสำคัญต่อการสร้างและบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เซลล์นับล้านตัวเกาะเกี่ยวกันเป็นร่างกายได้ด้วยเนื่อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนี มันคือ คอลลาเจนตัวเดียวกับคอลลาเจน ที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าเต่งตึงนั่นเอง

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ ลิ้นจี่

     
     Healtdeena มีสรรพคุณของลิ้นจี่มาบอกเพื่อนๆ กัน ลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่มีสีแดงน่าทาน แต่คุณทราบหรือเปล่าว่าลิ้นจี่เป็นผลไม้ที่มีมายาวนานกว่าพันปี ต้นกำเนิดของผลไม้ชนิดนี้มาจากประเทศจีน มาแพร่หลายในประเทศไทยเมื่อสมัยที่พ่อค้าจีนเข้ามาค้าขายในประเทศไทย ลิ้นจี้จะนิยมปลูกกันมากในภาคเหนือแต่ภาคอื่นก็ปลูกลิ้นจี่เช่นกันนะ

ลิ้นจี้
  • มีฤทธิ์ร้อน ลิ้นจี่เป็นไม้ยืนต้น ลูกมีสีแดง รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ลิ้นจี้ที่นิยมทานกันจะเป็นลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิซึ่งมีลูกใหญ่กว่าลิ้นจี่ พันธุ์อื่นๆ  ลิ้นจี่ที่ถือว่าเป็นลิ้นจี่ที่ดีจะมีลักษณะดังนี้ เนื้อหนาแห้ง เปลือกร่อนง่าย ผิวต้องไม่มีตำหนิ นิยมทานสดหรือนำมาทำเป็นลิ้นจี่ลอยแก้ว
คุณค่าอาหารของลิ้นจี่
  • คาร์โบไฮเดรต
  • โปรตีน
  • วินตามินซี
  • วิตามินบี
  • เหล็ก
  • ไนอะซิน
  • แคลเซียม
  • ฟอสฟอรัส
สรรพคุณลิ้นจี่
  • บำรุงประสาท
  • ป้องกันไข้หวัด
  • ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
  • แก้กระหาย
  • บำรุงระบบการย่อยอาหาร
นี้คือสรรพคุณของลิ้นจี้ แต่การทานลิ้นจี่มากเกินไปก็อาจจะเป็นร้อนในได้นะ ดังนั้นเพื่อนๆ ควรทานลิ้นจี่แต่พอประมาณก็จะได้สรรพคุณและคุณค่าทานอาหารของลิ้นจี่ที่ครบถ้วน

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ ขนุน



             ขนุน นั้นเป็นต้นไม้ที่คนไทยเรารู้จักดี  เพราะขนุนนั้นสามารถนำมาทำประโยชน์ได้มากมาย  ไม่ว่าจะเป็น ใช้เป็นยา  ใช้รับประทานก็แสนอร่อย  และอื่น ๆ อีกมากมาย  และยังเป็นต้นไม้มงคลตามความเชื่ออีกว่า   ถ้าปลูกต้นขนุนทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ (หรดี)  ในบริเวณบ้านจะหนุนเนื่อง บุญบารมี เงินทอง จะมีคนเกื้อหนุน และอุดหนุนจุนเจือ นอกจากนี้ชาวเหนือใช้ใบขนุนร่วมกับใบพุทรา ใบพิกุล นำมาซ้อนกันแล้วนำไปไว้ใน ยุ้งข้าวตอนเอาข้าวขึ้นยุ้งใหม่ๆ เชื่อกันว่าจะทำให้หนุนนำและส่งผลให้มีข้าวกินตลอดปีและตลอดไป

            
ประโยชน์จากขนุน
             ใบ รสฝาดมันรักษาหนองเรื้อรัง และใบสดนำมาตำให้ละเอียดอุ่นพอกแผล
             ราก รสหวานอมขม แก้ท้องร่วง แก้ไข้ แก้ธาตุน้ำกำเริบ โลหิตพิการ ฝาดสมานบำรุงกำลัง และบำรุงโลหิต
             แก่นและราก รสหวานอมขม บำรุงโลหิต แก้กามโรค ขับพยาธิ ระงับประสาท และแก้โรคลมชัก
              ยาง รสจืด ฝาดเฝื่อน แก้อักเสบบวม แผลมีหนองเรื้อรัง แก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ขับพยาธิ และขับน้ำนม
              เนื้อหุ้มเมล็ด รสหวานมันหอม บำรุงกำลัง และชูหัวใจให้ชุ่มชื่น
              เนื้อในเมล็ด รสหวานมัน บำรุงน้ำนม ขับน้ำนม และบำรุงกำลัง
             ขนุนอ่อน  มีใยในอาหารสูงมาก ซึ่งจะช่วยความสะอาดลำไส้  และยังช่วยในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ด้วย

วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ กระท้อน






         กระท้อนผลไม้ทรงกลมแป้น ผลดิบเปลือกสีเขียว เมื่อสุกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองปนน้ำตาล มีขนสั้นนุ่มคล้ายกำละหยี่ปกคลุมทั่วผล ภายในมีเมล็ด 3-5 เมล็ด เนื้อหุ้มเมล็ดเป็นปุยนุ่มหนาสีขาวความหนานุ่มของเนื้อแตกต่างกันไปตามแต่ละ พันธุ์ กระท้อนแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ กระท้อนพื้นเมืองหรือกระท้อนเปรี้ยว มีผลขนาดเล็ก นิยมปลูกกันตามบ้านเรือน ไม่นิยมกินสด มักนำไปแปรรูป เช่น กวน ตากแห้ง แช่อื่ม หรือ ดอง ต่อมามีการคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์จนเป็นกระท้อนห่อ หรือ กระท้อนหวาน ที่ให้ผลใหญ่ เมล็ดเล็ก เนื้อหุ้ทเมล็ดฟู หนานุ่ม รสหวานอมเปรี้ยว อร่อยกว่าพันธุ์พื้นเมือง กระท้อนมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินเอและซี ช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิว ป้องกันหวัดและโรคลักปิดลักเปิด มีเพกติน ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำอยู่สูง จึงดีต่อระบบขับถ่ายและเป็นยาระบายอ่อนๆ นอกจากนี้ยังมีฟอสฟอรัสที่จำเป็นต่อการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนในร่างกาย สรรพคุณตามตำรายาไทยโบราณของกระท้อน คือ ใบสดต้มน้ำอาบแก้ไข้ ขับเหงื่อ เปลือกผลรักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อน เปลือกต้นนำมาต้มดื่มแก้ท้องเสีย รากใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องเสีย บิด และเป็นยาธาตุ

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ แก้วมังกร

   



      ผลไม้รูปร่างกลมรีขนาดใหญ่ เปลือกสีแดง เมื่อผ่าครึ่งจะเห็นเนื้อเป็นสีขาวมีเม็ดคล้ายเม็ดแมงลักฝังตัวอยู่ทั่วผล เนื้อสดหวานนุ่มชุ่มฉ่ำ เมื่อทานแล้วช่วยทำให้สดชื่นผ่อนคลายได้ดีทีเดียว

          แก้วมังกรมี 2 ชนิดคือ สีขาวกับสีแดง สีแดงจะมีรสหวานกว่า ส่วนรสหวานของแก้วมังกรสีขาวเป็นหวานอ่อนๆ ที่ไม่มีพิษภัย จะมีก็แต่คนติดรสหวานที่อาจติว่าจืดชืดไปหน่อย ถ้าใครไม่ชอบก็ขอบอกว่า คุณได้พลาดผลไม้ที่มีประโยชน์สุดๆ ต่อสุขภาพและความงามไปอย่างน่าเสียดาย

          ความโดดเด่นที่ทำให้สาวๆ หลายคนชอบกินผลไม้ชนิดนี้ก็เนื่องจากเป็นผลไม้ที่สามารถกินกันได้โดยไม่ต้อง ห่วงเรื่องไขมันและความหวานที่กลายไปเป็นไขมันสะสมในภายหลัง แถมยังกินอิ่มท้องจนทดแทนอาหารเย็น เป็นผลไม้ที่ใช้ช่วยลดน้ำหนักได้สบายๆ ทีเดียว

          คุณค่าอาหารที่ซุกซ่อนอยู่ในแก้วมังกรก็มีทั้งแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามิน บี 1 บี 2  บี 3  แต่ที่เยอะมากสุดก็คือวิตามินซี จึงช่วยทั้งในเรื่องการบำรุงผิวพรรณ กระดูกและฟันแข็งแรง รวมทั้งช่วยในเรื่องของสายตาได้ด้วย

          วิธีทาน ก็ง่ายๆ แค่ผ่าครึ่งลอกเปลือก หรือใช้ช้อนตักเข้าปากเลยก็ได้ หรือจะนำไปทำเป็นเครื่องดื่ม ใส่สลัด เสิร์ฟคู่ไอศกรีม หรือขนมหวาน แก้วมังกรก็สามารถแทรกรสชาติไปกับทุกอย่างได้กลมกลืนและกลมกล่อม

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ ทับทิม


คุณประโยชน์ ทับทิม จากการวิจัยทางการแพทย์
1. ทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
2. สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัวซึ่งจะให้เป็นโรคหัวใจขาดเลือดตามมา ทั้งในคนและในหนูทดลอง
3. ทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมแล้วซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีแล้ว  มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วยในหนูทดลอง
4. บำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด โดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ
5. ลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย ประมาณ 5%  ในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง ถ้ารับประทานน้ำทับทิมวันละ 50 ซีซี เป็นเวลาสองสัปดาห์ 
6. บำรุงตับ ป้องกันการเป็นพิษต่อตับ ได้ ( Hepatoprotectiv effect ) 
7. สารต้านอนุมูลอิสระจากน้ำทับทิมมีผลยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านมของมนุษย์ ( Human breast cell )
8. สารสกัดจากทับทิม ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากของมนุษย์ ทั้งการแบ่งตัวและการแพร่กระจาย และมีงานวิจัยที่แนะนำให้กินหวังผลในการป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก 

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ พุทรา


พุทรา การใช้ประโยชน์จากพุทรา พุทรามีประโยชน์หลายด้านได้แก่
1. ใช้เป็นอาหาร ผลสุกหรือผลแก่จัด ใช้รับประทานเป็นผลไม้ หรือนำพุทรามาเชื่อมเป็นผลไม้เชื่อม หรือนำมาทำน้ำผลไม้ หรือนำผลสุกมาตำทั้งเมล็ด ใช้ทำพุทราแผ่น ฯลฯ เป็นต้น
2. พุทรามีคุณค่าทาง โภชนาการ ในพุทรามีวิตามินซี น้ำตาล ฟอสฟอรัส และแคลเซียม ไขมัน มิวซิเลจ และอื่น ๆ
3. สรรพคุณและส่วนที่นำมาใช้เป็นยาของพุทรา
• เปลือกต้น,ใบ มีรสฝาดอมเปรี้ยว จึงมีสรรพคุณใช้แก้อาการจุกเสียด แก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง แก้อาเจียน
• ผลดิบ มีรสฝาด จึงมีสรรพคุณใช้เป็นยาบำรุง และแก้ไข้ ช่วยระงับอาการคนเป็นโรคประสาทอ่อน ๆ
• ผลสุก มีรสหวาน ฝาด และเปรี้ยว จึงมีสรรพคุณใช้ขับเสมหะ แก้ไอ และเป็นยาระบาย
• ผลแห้งหรือใบ หากนำปิ้งไฟ หรือคั่ว/อบให้แห้งก่อน จึงนำมาใช้ชงน้ำดื่ม จะมีสรรพคุณใช้แก้ไอ
• ราก ใช้ต้มดื่มเพื่อรักษาหรือแก้ไข้ได้ดี
• เมล็ด นำเมล็ดพุทรามาเผาไฟ แล้วป่น ใช้ทำยารักษาซางชักของเด็ก หรือตำสุมหัวเด็ก รักษาอาการหวัดคัด จมูก รักษาอาการบวม รักษาพยาธิ ฝี อาการลงท้อง และอาการตกเลือด 

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ ของ กีวี

กีวีผลไม้มีประโยชน์


แหล่ง วิตามินซีในปริมาณสูงสุด

กีวีสีเขียวและกีวีโกลด์ หรือกีวีสีทอง กีวีทั้งสองชนิดมีปริมาณวิตามินซีสูงสุดถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น เช่น ส้ม หรือมะละกอ จากการวิจัยพบว่า กีวี หนึ่งผลมีวิตามินซีมากกว่าส้มหนึ่งลูกถึง 74% การรับประทานกีวีสองผลต่อวันจะช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกายอย่างเห็น ได้ชัด ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันโรคซึ่งจะช่วยป้องกันไข้หวัด และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอแถมยังกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ

อุ ดมด้วยโฟเลต สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

โฟเลตมีบทบาทสำคัญในการ สร้างสารพันธุกรรม จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็กทารกและคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการเซลล์ใหม่เป็นจำนวนมาก การรับประทานโฟเลตเป็นประจำทั้งก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ จะช่วยทำให้ผิวและเซลล์เม็ดเลือดมีสุขภาพดี กีวีมีปริมาณโฟเลตสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับกล้วย มะม่วง สัปปะรด และแอปเปิ้ล โดยมากกว่ากล้วย 49% และมากกว่ามะม่วงถึง 112.8%

สุด ยอดคุณค่าวิตามินอี
วิตามินอี มีคุณสมบัติช่วยชะลอความแก่ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยในการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย จากการวิจัยพบว่า กีวีมีปริมาณวิตามินอีสูงสุด โดยเฉพาะกีวีทอง จะมีวิตามินอีมากกว่ามะม่วงถึงหนึ่งเท่า

เต็มที่ด้วยพลังไฟ เบอร์

ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารเป็นสารที่ไม่ให้พลังงานใน ร่างกาย แต่สามารถทำให้อิ่มได้เร็วและนาน นอกจากนี้ ยังช่วยชำระล้างและปรับปรุงระบบย่อยอาหาร รวมถึงส่งเสริมให้หัวใจและร่างกายแข็งแรง กีวีเขียวหนึ่งผลมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่ากล้วย 15% และมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25%

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ มะขาม



     มะขามมีลักษณะ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งก้านสาขามาก เปลือกต้นขรุขระ มีคุณประโยชน์มากมายเป็น ต้นไม้ธุรกิจ ส่วนเนื้อในฝักแก่ เนื้อในเมล็ด เปลือกต้นยังมีสรรพคุณทางยา ในเนื้อมะขามจะมีกรด Tartaric เป็นยาระบาย ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น ช่วยขับเสมหะ แก้อาการกระหายน้ำ วิตามินซี ลดอาการเลือดออกตามไรฟัน นอกจากนี้มะขามยังมี เอ แคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูก และฟันให้แข็งแรง มะขามยังมีธาตุเหล็ก ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ส่วนเนื้อในเม็ดมะขามสามารถกินเพื่อถ่ายพยาธิ
     คุณค่าทางอาหารของมะขาม เนื้อในของมะขามแก่ นำมาทำน้ำมะขามเปียก มีรสเปรี้ยวสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง ยอดอ่อนของมะขามจะเป็นส่วนที่มีวิตามิน เอ สูงมาก สามารถนำมาประกอบอาหารได้เช่นกัน
     การขยายพันธ์ มะขามสามารถขยายพันธุ์ด้วยการทาบกิ่ง ติดตา ต่อกิ่ง หรือ เพาะเมล็ดก็ได้ แต่ปัจจุบันจะนิยมการขยายพันธ์ แบบทาบกิ่ง ติดตา ต่อกิ่งเพราะได้ผลเร็วและไม่ทำให้กลายพันธุ์

วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ แตงโม

  ทำให้ สุขภาพแข็งแรง - - แตงโมมีสารที่เรียกว่า lycopene ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ และช่วยในการบำรุงหัวใจ รวมถึงมะเร็ง สารนี้มีอยู่มากในมะเขือเทศ เช่นกัน แต่เมื่อเทียบกันแล้ว แตงโมมีมากกว่าถึง 40 เปอร์เซ็นต์
  
  วิตามินซี - - แตงโมเสี้ยวใหญ่ๆ จะเต็มไปด้วยวิตามินซีที่จำเป็นต่อร่างกายของเรา

  ป้องกัน การติดเชื้อ - - การดื่มน้ำแตงโม ช่วยเพิ่มเบต้าแคโรทีน ซึ่งร่างกายใช้ในการสร้างวิตามินเอ และการมีวิตามินเอมากๆ ก็จะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้
  แผลหายเร็ว - - แตงโมเป็นผลไม้ที่มี citrulline อยู่มาก สารตัวนี้จะช่วยในการรักษาแผนได้เร็ว อย่าดื่มแต่น้ำแตงโม ให้กินเนื้อมันเข้าไปด้วย โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นสีขาวอยู่ลึกลงไป แม้ รสชาติจะไม่หวาน แต่มีประโยชน์ทีเดียวนะ
  
  คลาย เครียด - - แตงโมเต็มไปด้วยโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมอัตราความดันโลหิต เรียกว่ากินแล้วจะอารมณ์ดี ยิ่งกินแบบเย็นๆ ยิ่งสบายใจ

  ลด ความอ้วน - - ในแตงโมมีแคลอรี่แค่ 96 แคลอรี่เท่านั้น และ การกินแตงโมที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำ ทำให้เราอิ่มได้เร็ว และไม่ต้องกินอาหารอื่นอีก เรียกว่าแตงโมนี่ มีประโยชน์มากมายมหาศาลจริงๆ เนอะ
แล้ววันนี้น้องๆ กินแตงโมแล้วหรือยังเอ่ย

วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของส้มโอ

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของส้มโอ


สรรพคุณ / ประโยชน์ของส้มโอ


ใบ : เป็นยาแก้ปวดข้อ ท้องอืดแน่น แก้ปวดหัว (ตำพอกที่ศีรษะ)

ดอก : แก้ปวดกระเพาะอาหาร แก้ปวดกระบังลม ขับเสมหะ ขับลม

ผล : แก้เมาสุรา ขับลมในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้เจริญอาหารเหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์เบื่ออาหาร ปากไม่รู้รสอาหาร

เปลือก ผล : เป็นยาขับลม ช่วยขับเสมหะ แก้อึดอัด แน่นหน้าอก ไอ จุกแน่น ปวดท้องน้อย ไส้เลื่อน หรือต้มน้ำอาบแก้คัน ใช้ตำพอกฝี

เมล็ด : แก้ไส้เลื่อน แก้ปวดท้อง ลำไส้เล็กหดตัวผิดปกติ

ราก : แก้หวัด แก้ไอ แก้ปวด ปวดท้องน้อยและกระเพาะอาหาร ไส้เลื่อน


Tips


1. ปวดบวม ใช้ใบสดตำแล้วเอาไปย่างไฟให้อุ่น นำไปพอกตรงบริเวณที่เป็น

2. ไอมีเสมหะ ใช้ผลสดเอาเมล็ดออกเสีย แล้วแกะเป็นชิ้นเล็ก ๆ แช่กับน้ำเหล้าไว้ 1 คืน เสร็จแล้วนำไปต้มให้เละผสมกบน้ำผึ้ง กวนให้เข้ากันแล้วจิบกินบ่อย ๆ

3. อาหารไม่ย่อย ท้องอืดแน่น ใช้เปลือกผลแห้งและลูกเร่วแห้งอย่างละ 10 กรัมกับกระเพาะอาหารไก่ 1 ใบ ผักคาวทองสด 15 กรัม และผงยีสต์แห้ง 1 ช้อนชาต้มกับน้ำกิน

วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของสับปะรด




1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซีที่สำคัญ คือวิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อและ ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกาย แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก

2. ช่วยในระบบการย่อยอาหาร
สับปะรดมีกากใยอาหารมากซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหารและเป็นที่รู้กันอยู่ ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอลควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี
สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์และอาจทำ ให้เป็นโรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้สารแอนตี้ออกซิแดนต์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย อีกด้วย

4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง
การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดการสูบบุหรี่ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจาก โรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งเต้านม เพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระซึ่งเป็นตัวการ ก่อมะเร็ง และจากการศึกษาพบว่า เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งรังไข่

5. ช่วยป้องกันโรคต่างๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือ จะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็ง ได้ถึง 20%

6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรงเนื่องจากสับปะรดมีวิตามินซีสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้

7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบ ทั้งนี้ชาวอเมริกาใต้โบราณใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล

วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของน้อยหน่า

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้อยหน่า 

สรรพคุณ / ประโยชน์ของน้อยหน่า


ผล : ซึ่งนำมาใช้ได้ 2 อย่างคือ ถ้าเป็นผลดิบจะเป็นยาแก้พิษงู แก้ฝีในคอ กลากเกลื้อน ฆ่าพยาธิ ผิวหนัง และผลแห้ง แก้งูสวัด เริม แก้ฝีในหู แต่ถ้าเป็นเปลือกก็ยังแก้พิษงูได้ด้วยเมล็ด เป็นยาฆ่าพยาธิตัวจี๊ด ฆ่าเหา และแก้บวม

ราก : เป็นยาระบาย ทำให้อาเจียน และแก้พิษงู ถอนพิษเบื่อเมา

ใบ : แก้ขับพยาธิลำไส้ ฆ่าเหา แก้หิด แก้กลากเกลื้อน และแก้ฟกบวม

เปลือกต้น : เป็นยาสมานลำไส้ สมานแผล แก้ท้องร่วง แก้พิษงู แก้รำมะนาด ยาฝาดสมาน


Tips


1. เป็นโรคกลากเกลื้อน และเหา ให้นำเอาใบน้อยหน่าสดมาคั้นเอาแต่น้ำ แล้วพอกหัว ภายใน 7 วัน กลากเกลื้อนและเหาก็จะหาย
2. เป็นเหา ซึ่งมีวิธีรักษาอยู่ 2 วิธีคือ นำใบน้อยหน่าประมาณ 3-4 ใบมาบดหรือตำให้ ละเอียดแล้วคลุกกับเหล้า 28 ดีกรี คลุกให้เคล้ากันจนได้กลิ่นน้อยหน่า แล้วนำมาทาหัวให้ทั่ว เอาผ้าคลุมไว้สัก 10-30 นาทีและเอาผ้าออกใช้หวีสาง เหาก็ตกลงมาทันที วิธีที่สอง นำใบน้อยหน่า 7-8 ใบ มาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำทาหัวทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออก ซึ่งจะช่วยทำให้ไข่ฝ่อ และฆ่าเหาได้

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ มังคุด

 
 
    เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ ชอบอากาศชื้น ที่สำคัญควรเลือกพื้นที่ปลูกที่มีน้ำเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้ง มังคุดเป็นผลไม้ที่มีระบบรากหาอาหาร ค่อนข้างลึกประมาณ 90-120 ซม. จากผิวดิน ดังนั้น จึงต้องการสภาพแล้งก่อนออกดอกค่อนข้างนาน โดยต้นมังคุดที่สมบรูณ์ ใบยอดมีอายุระหว่าง 9-12 สัปดาห์ เมื่อผ่านช่วงแล้งติดต่อกัน 21-30 วัน และมีการกระตุ้นน้ำถูกวิธี มังคุดจะออกดอก

   ประโยชน์ต่อสุขภาพ
        สารสกัดมังคุด มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุอาการท้องเสีย สารที่พบมากที่เปลือกคือ tannin มีฤทธิ์ฝาดสมาน จึงช่วยแก้อาการท้องเสีย นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุการเกิดหนอง และยังรักษาแผลได้อีกด้วย


  การใช้มังคุครักษาอาการท้องเสีย คือ
1. ใช้เปลือกผลตากแห้ง ต้มกับน้ำปูนใส นำน้ำมาดื่ม
2. ใช้ผลตากแห้งฝนกับน้ำดื่ม
3. ใช้เปลือกตากแห้งมาฝนกับน้ำดื่ม ให้เด็กดื่มครั้งละ 1-2 ช้อนชา ทุก 4 ชม. และผู้ใหญ่ ครั้งละ 4 ช้อนชา ทุก 4 ชม.

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของมะไฟ


-   เป็นผลไม้ที่นิยมรับประทานผลสด  มีรสชาติหวานเย็น  อร่อยอมเปรี้ยวนิด ๆ มีกลิ่นหอม  มีการนำผลไปใช้ในการปรุงอาหารจำพวก สตูว์  ดอง  หรือนำไปหมักเพื่อผลิตไวน์  และช่วยเพิ่มน้ำตาลและวิตามินซีให้แก่ร่างกาย

-   เนื้อไม้ให้ประโยชน์ก่อสร้างบ้านเรือน  ต่อเรือ  และทำเฟอร์นิเจอร์  เช่นเดียวกับไม้ชนิดอื่น ๆ

    สรรพคุณทางยา
-  ใบใช้ในการบรรเทาอาการของไข้หวัด  แก้ไอ  รักษาโรคมาลาเรีย  และยังช่วยในการขับปัสสาวะอีก  ด้วย
-  ผล ช่วยย่อยอาหาร  ละลายเสมหะ  รักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ  อาหารไม่ย่อย
- เมล็ด ใช้บรรเทาอาการแก้ปวดท้อง
-  รากนำไปต้มกับสมุนไพรอื่น ๆ ดื่มแก้ท้องร่วง  หลังคลอดบุตร  เผาไฟกินเป็นยาถอนพิษ  ดับร้อน   พิษ  ทาแก้บวมอักเสบ
-  ต้นเปลือกทำยาทาภายนอก  และแก้โรคผิวหนังบางชนิด

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของ ทุเรียน

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของทุเรียน


สรรพคุณ / ประโยชน์ของทุเรียน


- เนื้อทุเรียน

รสหวานร้อน ทำให้เกิดความร้อน แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี - หนอง แห้ง เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ขับพยาธิ

- เปลือกหนามทุเรียน

รสเฝื่อน นำมาสับแช่ในน้ำปูนใสใช้ชะล้างแผลที่เกิดจากน้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง หรือนำมาเผาทำถ่านบดจนเป็นผงคลุกในน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันงาลดความบวมพอง จากคางทูมและเผาเอาควันไล่ยุงและแมลง

- ใบทุเรียน

รสเย็นและเฝื่อน ใช้ต้มน้ำอาบแก้ไข้แก้ดีซ่านและเป็นส่วนผสมในยาขับพยาธิ

- รากจากต้นทุเรียน

ตัดเป็นข้อ ๆ ต้มให้เดือด ดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วง

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของส้มโอ

     ส้มโอ อีกหนึ่งผลไม้ที่มากคุณค่าและรสชาติที่อร่อยรสเปรี้ยวอมหวานที่ถูกปากใครหลาย ๆ คน และไม่เพียงเท่านั้น ประโยชน์ของส้มโอยัง สามารถนำไปปรุงอาหารได้อีกด้วยนะค่ะ เท่านั้นยังไม่พอ สรรพคุณของส้มโอ ก็ยังมีฤทธิ์เป็นยาในการรักษาโรคได้อีก ใครรักสุขภาพน่าจะลองหันมาบริโภคส้มโอกันดูนะค่ะ และวันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูล สรรพคุณของส้มโอ และ ประโยชน์ของส้มโอ มาฝากคุณ ๆ ทุกคนกันด้วยค่ะ ใครอยากรู้ล่ะก็ว่าส้มโอนั้นมีคุณสมบัติอย่างไรกันบ้างก็มาดู สรรพคุณของส้มโอ และ ประโยชน์ของส้มโอ กันเลยค่ะ



สรรพคุณ และ ประโยชน์ของส้มโอ


สรรพคุณ / ประโยชน์ของส้มโอ


ใบ : เป็นยาแก้ปวดข้อ ท้องอืดแน่น แก้ปวดหัว (ตำพอกที่ศีรษะ)

ดอก : แก้ปวดกระเพาะอาหาร แก้ปวดกระบังลม ขับเสมหะ ขับลม

ผล : แก้เมาสุรา ขับลมในลำไส้และกระเพาะอาหาร ทำให้เจริญอาหารเหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์เบื่ออาหาร ปากไม่รู้รสอาหาร

เปลือกผล : เป็นยาขับลม ช่วยขับเสมหะ แก้อึดอัด แน่นหน้าอก ไอ จุกแน่น ปวดท้องน้อย ไส้เลื่อน หรือต้มน้ำอาบแก้คัน ใช้ตำพอกฝี

เมล็ด : แก้ไส้เลื่อน แก้ปวดท้อง ลำไส้เล็กหดตัวผิดปกติ

ราก : แก้หวัด แก้ไอ แก้ปวด ปวดท้องน้อยและกระเพาะอาหาร ไส้เลื่อน


Tips


1. ปวดบวม ใช้ใบสดตำแล้วเอาไปย่างไฟให้อุ่น นำไปพอกตรงบริเวณที่เป็น

2. ไอมีเสมหะ ใช้ผลสดเอาเมล็ดออกเสีย แล้วแกะเป็นชิ้นเล็ก ๆ แช่กับน้ำเหล้าไว้ 1 คืน เสร็จแล้วนำไปต้มให้เละผสมกบน้ำผึ้ง กวนให้เข้ากันแล้วจิบกินบ่อย ๆ

3. อาหารไม่ย่อย ท้องอืดแน่น ใช้เปลือกผลแห้งและลูกเร่วแห้งอย่างละ 10 กรัมกับกระเพาะอาหารไก่ 1 ใบ ผักคาวทองสด 15 กรัม และผงยีสต์แห้ง 1 ช้อนชาต้มกับน้ำกิน

วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554

น้ำแอปเปิล...พิชิตอัลไซเมอร์

 น้ำแอปเปิ้ล


University of Massachusettse Lowell (UML) เผยการทดลองพบ การดื่มน้ำแอปเปิลอาจช่วยเพิ่มการสร้างของสารสื่อประสาทในสมองที่มีชื่อว่า อะซีทิลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นตัวกำหนด ความสามารถในการเรียนรู้และความทรงจำ จึงช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมได้ ปกติสื่อประสาทรวมถึงสารอะซีทิลโคลีน เป็นสารเคมีที่ถูกสร้างและหลั่งมาจากเซลล์ประสาทเพื่อส่งต่อไปยังเซลล์ ประสาทข้างเคียง เหมือนเป็นการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์ประสาทด้วยกัน ในการควบคุมการทำงานของทุกส่วนในร่างกาย ตั้งแต่การนั่ง นอน ยืน เดิน รับประทาน รู้สึกและสัมผัส รวมถึงการนึกคิด
เคยมีงานวิจัยเผยว่า โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์สมอง จนก่อให้เกิดความบกพร่องทางความทรงจำ การตัดสินใจหรือการใช้เหตุผล โดยมักมีอาการหลงลืม สับสนหรือ อารมณ์แปรปรวน ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้สูงอายุนั้น จะมีปริมาณของสารอะซีทิลโคลีนในสมองน้อยกว่าปกติมาก ซึ่งการเพิ่มปริมาณสารอะซีทิลโคลีน จึงช่วยเพิ่มความทรงจำ ลดการหลง ลืมและสามารถชะลอภาวะเสื่อมของสมองในผู้ที่เป็นอัลไซเมอร์ได้

มีงานวิจัยหลายชิ้นเผยว่า ผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างพวกบลูเบอร์รี่ แอปเปิลนั้น ก็มีส่วนช่วยชะลอภาวะความจำเสื่อมในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ และยังให้ผลดีกว่าพวกอาหารเสริม หรือวิตามินที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระทั้งหลาย
ทั้งนี้ การดื่มน้ำแอปเปิลเข้มข้นอาจช่วยเสริมความจำ โดยการดื่มน้ำแอปเปิลเข้มข้นแก้วละ 8 ออนซ์ วันละ 2 แก้ว หรือเท่ากับการรับประทานแอปเปิลวันละ 2-3 ลูก

ประโยชน์มากมายของแอปเปิล ทั้งบำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด ลดความอยากอาหารและต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งอาจช่วยลดการถูกโรคร้ายทั้งหลายคุกคาม และล่าสุดพบว่าการดื่มน้ำแอปเปิล ยังอาจช่วยเสริมความจำ และป้องกันภาวะสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ ของสตอเบอรี่

สตรอวเบอร์รี่ 


1.ดูแลสายตา

          ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาส่วนใหญ่จะเกิดจากอนุมูลอิสระ และการขาดสารอาหารบางชนิด และเมื่อเราอายุมากขึ้น ดวงตาของเรายิ่งถูกทำร้ายได้ง่าย ซ้ำร้ายความแก่ชราจะทำให้กล้ามเนื้อดวงตาเสื่อมสภาพ แต่สตรอวเบอร์รี่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างวิตามินซี ฟลาโวนอยด์ กรดฟีโนลิก และกรดเอลลาจิก ซึ่งช่วยชะลอกระบวนการดังกล่าว แถมยังมีโพแทสเซียมซึ่งช่วยปรับความดันในตาให้เป็นปกติอีกด้วย

2.ป้องกันโรคข้ออักเสบและโรคเกาต์

          เมื่อกล้ามเนื้อถูกใช้งานนาน ๆ เข้า กล้ามเนื้อของเราก็มีแต่จะถดถอยของเหลว บริเวณข้อต่อกระดูก็จะเหือดแห้งลงไปเรื่อย ๆ และร่างกายก็สะสมสารพิษอย่างกรดยูริกเอาไว้มากขึ้น ๆ ทำให้โรคข้ออักเสบและโรคเกาต์ถามหา แต่อย่าห่วงไป เพราะเราสามารถขับไล่โรคทั้งสองได้ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และสรรพคุณล้างพิษของสตรอวเบอร์รี่ค่ะ

3.กำราบโรคมะเร็ง

          กินสตรอวเบอร์รี่ทุกวันสิคะเซลล์มะเร็ง และเนื้องอกต้องชิดซ้ายหลีกทางให้แก่สารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซี โฟเลต และแอนโธไชยานินส์ ที่มีอยู่มากมายในสตรอวเบอร์รี่ค่ะ

4.ส่งเสริมการทำงานของสมอง

          ยิ่งแก่ยิ่งขี้หลงขี้ลืม เพราะเนื้อเยื่อและเส้นประสาทในสมองเสื่อมสภาพจากอนุมูลอิสระตัวร้าย ซึ่งสตรอวเบอร์รี่ช่วยได้ เพราะมีวิตามินซี และไฟโตนิวเทรียนต์ ที่ทำให้อนุมูลอิสระหมดฤทธิ์ และคืนความอ่อนเยาว์ให้แก่ระบบประสาท แถมยังมีไอโอดีนที่ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีก ด้วย

5.ลดความดันโลหิต

          หากโซเดียมเป็นตัวการทำให้เกิดความดันโลหิตสูง สตรอวเบอร์รี่ก็มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับความดันให้เป็นปกติค่ะ

6.ปราบโรคหัวใจ

          ใยอาหาร โฟเลต และสารต้านอนุมูลอิสระมากมาย จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย แถมวิตามินบีบางชนิดที่พบได้ในสตรอวเบอร์รี่ จะเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของมะละกอ


 

ประโยชน์ของมะละกอ มะละกอถูกนำไปใช้ประโยชน์เกือบทุกส่วนของต้น เริ่มจากส่วนใบและยอดของมะละกอสามารถใช้เป็นผักเพื่อ ปรุงอาหารได้ ส่วนลำต้นของมะละกอหากปอกเปลือกออกจะเห็นเนื้อภายในสีขาวครีม มีลักษณะอ่อนนุ่มคล้ายหัวผักกาดของจีน สามารถนำมาประกอบอาหารได้เช่นกัน(ดองเค็ม-ตากแห้ง) เป็นอาหารที่มีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการสูง ให้สารอาหารต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี แคลเซียม ธาตุเหล็กและวิตามินซี สารอาหารเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น

ประโยชน์ของมะละกอดิบ  ที่เป็นที่รู้จัก กันดีอีกอย่างหนึ่งคือการนำไปปรุงเป็นอาหาร “ส้มตำ” ซึ่งถือว่าเป็น “อาหารเพื่อสุขภาพ” ที่คนรู้จักกันดี ส่วนผลมะละกอสุกมีประโยชน์หลายอย่างไม่แพ้ผลมะละกอดิ บเลยคือการกินผลมะละกอสุกจะช่วยบำรุงธาตุ เป็นตัวช่วยย่อยอาหารทำให้ระบบขับถ่ายดีและยังมีสรรพ คุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ทำให้ท้องไม่ผูก ผลมะละกอสุกยังนำไปทำเป็นเครื่องดื่มคือ “น้ำมะละกอ” ใช้ดื่มหลังอาหารช่วยในการย่อยอาหารและลดกรดในกระเพา ะอาหารทำให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้นเนื่องจากในผลมะละกอมีเอนไซม์ปาเปอีน(Papain) นั่นเอง

มะละกอสุกยังมีประโยชน์อีกอย่างที่สำคัญคือ ในผลสุกจะมีวิตามินเอ แคลเซียม วิตามินบี1 วิตามินบี2 และสารอาหารที่สำคัญสำหรับคุณสาวๆ นั่นคือ เบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณ ในด้านความงามเช่น บำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอยก่อนวัยอันควร ชะลอความแก่ ฯลฯ นับได้ว่ามะละกอเป็นผลไม้เพื่อความงามก็ไม่น่าจะผิด

วันพุธที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของส้มเขียวหวาน

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของส้มเขียวหวาน 

 - ผลส้มสด 100 กรัม จะมีเบต้าแคโรทีน 82 ไมโครกรัม และวิตามินซี 42 มิลลิกรัม จึงใช้รักษาและป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน เปลือกผลแห้งจะมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งประกอบด้วย ซิตรัล เจอรานิออล และไลนาโลออล ซึ่งน้ำมันหอมระเหยนี้สามารถสกัดออกมาเพื่อใช้แต่งกลิ่นยาและมีฤทธิ์ขับลม นอกจากนี้เปลือกผลแห้งเมื่อนำมาจุดไฟจะมีกลิ่นหอมและสามารถไล่ยุงได้ดี

- เป็นผลไม้ที่มีรสหวานอมเปรี้ยว มีวิตามินเอสูงมาก ตามด้วยวิตามินซีที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมากมาย ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันเสริมสร้างคอลลาเจนช่วยทำให้แผล หายเร็วขึ้น

- ช่วยเป็นยาระบายอ่อน ๆ ในเปลือกผิวส้มมีน้ำมันหอมระเหยช่วยแก้วิงเวียนศีรษะ

- ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลผิวเกลี้ยงเกลาและสดชื่น ขจัดความหมองคล้ำ และชะลดการเกิดริ้วรอย นิยมกินผลสดนำมาทำเป็นเครื่องดื่มและเป็นส่วนผสมในการบำรุงผิวภายนอก

วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ขององุ่นแดง

   องุ่นแดง จัดเป็นราชินีแห่งผลไม้ทุกชนิด  สีแดงเข้มของผลองุ่นประกอบด้วยสารฟลาวโวนอยด์  ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ  องุ่นแดงมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ  เช่น วิตามิน ซี, บี, โปรตีน, สารแอนโธไซยานิน, แมงกานีส, โปแตสเซียม และอื่น ๆ  มีแคลอรี่ต่ำ แต่ใยอาหารสูง  ช่วยป้องกันโรคหัวใจ, โรคมะเร็ง  เสริมสร้างร่างกายให้ต่อต้านเชื้อโรค และสมานแผลได้ดี

น้ำองุ่นแดง  ตราเน็คต้า 
เป็นแหล่งของสารอาหารต่าง ๆ มากมาย
 
ฟลาโวนอยด์ :  ช่วยเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลตัวดี (HDL)  ช่วยทำให้หลอดเลือดสะอาดปราศจากคราบไขมันเกาะจับ ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ

แอนโธไซยานิน :  ปกป้องการอักเสบของร่างกาย, ชะลอความแก่, ควบคุมการทำงานของระบบประสาท, ขยายหลอดเลือด, เพิ่มการไหลเวียนเลือด  และบำรุงสายตา

โพลิฟินอล :  ต้านอนุมูลอิสระ และลดระดับคลอเลสเตอรอล LDL 

วิตามิน ซี
 :  มีส่วนช่วยในการสร้างคลอลาเจน  ลดริ้วรอย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค

วิตามิน บี12 :  สร้างเม็ดเลือดแดง  ควบคุมการทำงานของระบบประสาท และช่วยในการเผาผลาญอาหารให้เป็นพลังงาน

แคลเซียม :  สร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง

                                              

องุ่นแดง

วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของฝรั่ง

     ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซี และวิตามินเอ  ซึ่งมีมากกว่ามะนาวถึง 4 เท่า ทำให้ฝรั่งมีคุณค่าในการสร้างความต้านทานโรคหวัดได้เป็นอย่างดี  นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้รับประทานฝรั่งเพื่อลดความอ้วนเพราะฝรั่งเป็นผล ไม้ที่มีความกรอบ เคี้ยวเพลิน และไม่เพิ่มน้ำหนักคุณค่าทางอาหารประกอบด้วย วิตามินเอ,วิตามินซี, B1,B2,แคลเซียม,ฟอสฟอรัส,นอกจากนี้ยังมีสารพวกเพคตินและแทนนิน (TANNIN) จำนวนมากด้วย

 
สำหรับคุณประโยชน์ทางอาหารสรุปได้ดังนี้
1.วิตามินซีและวิตามินเอ  ช่วยให้มีความต้านทานต่อโรคหวัดเพิ่มขึ้น บำรุงเหงือกและฟัน , ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
2.สารเพคติน (PECTIN)  เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ท้องผูกได้ดี
3.สารแทนนิน (TANNIN)  มีฤทธิ์เป็นยาฝาดสมาน สามารถบรรเทาอาการท้องร่วงและห้ามเลือดได้  ช่วยสมานแผลและบรรเทาอาหารเจ็บคอ นอกจากนี้ยังช่วยระงับกลิ่นปากและรักษาแผลเรื้อรังเช่น น้ำกัดเท้า และผื่นคันจากผิวหนังที่ถูกใบไม้คันได้ด้วย
 

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

ผลไม้ทายนิสัย

   > กระท้อน คนชอบกินกระท้อน จะมีลักษณะแข็งนอกอ่อนใน ดูภายนอกเหมือนคนก้าวร้าวแต่จริง ๆ จิตใจดี อ่อนไหวง่าย ไม่ชอบความรุนแรง รักสงบ
   > กล้วย สำหรับคนที่ชอบทานกล้วย ภายนอกดูจะเป็นคนเงียบขรึม แต่นิสัยจริง ๆ คืออ่อนไหวง่าย ถ้าถูกใครพูดกระทบกระแทกหน่อยก็จะเก็บเอาไปคิดเสียใจ เป็นคนโอบอ้อมอารีย์ มีเหตุผล รอบคอบ มองการณ์ไกล ชอบวางแผน อนาคตให้ตัวเองและคนที่อยู่รอบข้างเสมอ เป็นคนนิสัยรักสันโดษ เป็นคนที่มีจิตเป็นกุศล ชอบทำบุญแก่คนทุกข์ยาก
   > เงาะ สำหรับสาว ๆ ที่ชอบกินเงาะจะเป็นคนค่อนข้างขี้เล่น สามารถทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้ ถึงคุณจะขี้โม้ไปบ้างแต่เพื่อน ๆ ก็ชอบในความร่าเริงสนุกสนานของคุณ
   > ชมพู่ สำหรับคนขี้เกรงใจ จะชอบกินชมพู่มากเป็นพิเศษ มีความอดทนสูง ยิ้มได้ในทุกสถานการณ์ แต่เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายและคิดมาก แต่ไม่ชอบที่จะทำร้ายจิตใจใครจริง ๆ ดังนั้นถ้าหนุ่มคนไหน ชอบกินชมพู่เป็นพิเศษหล่ะ ก็ควรจะเอาใจเค้าให้มาก เพราะเค้าจะคิดอะไร ๆ ไปในทางลบเสมอ
   > แตงโม เป็นของว่างจานโปรดสำหรับสาวใจกว้าง อ่อนโยน มีน้ำใจกับมิตรสหาย ซื่อสัตย์ไม่คิดคดทรยศเป็นคนง่าย ๆ มองโลกในแง่ดี จะไม่ค่อยโวยวายหรือคิดมาก ตั้งอกตั้งใจทำงานดี แต่มักแพ้ภัยแก่เพศตรงข้าม และคนที่ชอบกินแตงโมจะเป็นคนที่รักใคร่เอ็นดูของเพื่อนฝูงอีกด้วย
   > ฝรั่ง สาว ๆ ที่ชอบฝรั่งมักเป็นคนรักอิสระ ชอบที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ชอบทำอะไรซ้ำซากจำเจ
   > มะพร้าว เพื่อน ๆ ที่ชอบมะพร้าวมักเป็นคนใจบุญ มีจิตเป็นกุศล มองโลกในแง่ดี วาจาคมคาย พูดจาเหน็บคนให้เจ็บด้วยใบหน้าที่ใสซื่อเก่งนักแหละ
   > มะละกอ ผลไม้โปรดของคนที่มีน้ำอดน้ำทนสูง มีความคิดลุ่มลึก คิดเป็นเหตุเป็นผล วางแผนแยบยล โอบอ้อมอารีย์
   > มังคุด เหมาะสำหรับคนที่เก็บเนื้อเก็บตัว ช่างฝันและมีอารมณ์โรแมนติก อ่อนไหวง่าย รักใครได้ง่าย ๆ และเก็บเอาไปนึกคิดคนเดียว แต่ไม่นานก็ลืมเอาดื้อ ๆ แล้วก็ไปหลงคนอื่นต่อไปเรื่อยเปื่อย พูดง่าย ๆ คือเป็นผลไม้สำหรับคนเจ้าชู้ไงจ๊ะ
   > ลองกอง พวกที่ยึดเอาลองกองเป็นอาหารหลัก เป็นคนรักสันโดษ ชอบเดินทาง ชอบการผจญภัยในที่ที่ตนเองไม่เคยไป อนุรักษ์นิยม
   > ลางสาด สำหรับเพื่อน ๆ ที่เลือกลางสาดเป็นผลไม้หลัก จะเป็นคนอนุรักษ์นิยม ยึดมั่นในแนวความคิดเก่า ๆ ชอบวิถีทางที่เคยทำมาแต่ก่อน แต่เป็นคนมีเหตุผล
   > ลิ้นจี่ ผลไม้สำหรับคนชอบทำงานเบา ๆ ไม่ต้องใช้กำลังแรงงานมาก ๆ คนชอบทานลิ้นจี่กลัวเพื่อน ๆ จะลำบากน้อยกว่า เลยให้เพื่อน ๆ เอางานไปช่วยทำซะหมด ตัวเองคอยชักใยอยู่เบื้องหลังสบาย ๆ นี่เอง
   > ลำไย คนชอบทานผลไม้เม็ดเล็กชนิดนี้มักเป็นคนปากหวาน ชอบประจบประแจง ใช้คำพูดยกยอคนให้หลงปลื้ม แต่มักเป็นคนชอบนินทาว่าร้ายคนอื่นลับหลัง
   > สตรอเบอร์รี่ ถ้าชอบทานสตรอเบอร์รี่ บอกได้เลยว่าคุณเป็นสาวคุยสนุก มีอารมณ์ขัน ทำให้คนอื่นหัวเราะได้ตลอดเวลา เป็นที่ต้องการของเพื่อนๆ ในกลุ่ม และเมื่อจะพูดคุยหรือทำอะไรก็ต้องมีคนดู คนฟัง และค่อนข้างมีรสนิยมทีเดียว
   > สาลี่ ผลไม้คุณหนู ผู้ที่ชอบทานมักจะมีนิสัยอ่อนหวาน สุภาพ อ่อนโยน ไม่ชอบขัดใจใคร มองโลกในแง่ดี ไม่นินทาว่าร้ายใคร นอกจากนี้ยังเป็นนักเล่าเรื่องที่ดี
   > ส้มเขียวหวาน เห็นชอบส้มอย่างนี้เป็นคนทันสมัย หัวก้าวหน้า แต่มักมีนิสัยหึงหวงเพศตรงข้ามอยู่เนืองๆ มัธยัสถ์ รู้จักใช้จ่าย
   > ส้มโอ คนที่ชอบส้มโอจะเป็นคนที่รักความสบาย ความหรูหรา โอ่อ่า ใจอ่อนง่าย ถ้ามีใครๆ มาตื๊อก็คงยอมให้กันทุกอย่างแบบเทกระเป๋าไปเลย
   > สัปปะรด ผู้ที่ชอบกินเป็นคนที่แคร์คนอื่นมากเกินไป มัวแต่ไปเอาใจคนอื่นเกินไป ทำให้เพื่อนๆ มักจะรำคาญและเบื่อหน่ายอยู่เสมอ
   > องุ่น ผลไม้ยอดฮิตของคนสวยมีเสน่ห์ เพื่อนๆ ที่ชอบทาน มักเป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่าย นิสัยร่าเริง มีความคิดความอ่านสุขุมรอบคอบ ปากกับใจไม่ค่อยตรงกันนัก ไม่ค่อยชอบบอกเรื่องส่วนตัวให้ใครรู้ง่าย ๆ
    > แอ๊ปเปิ้ล ผลไม้ของคนขี้เหงา ขาดเพื่อนไม่ได้ เป็นคนไม่ค่อยแคร์เรื่องความรัก คือนึกจะรักใครก็รัก นึกจะเลิกก็เลิกขึ้นมาง่ายๆ แต่จะเป็นคนที่มีความอดทนในเรื่องของการทำงาน

วันศุกร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2554

ผลไม้ลดความอ้วน

   กล้วย ผลไม้เบสิกๆ แบบนี้ ใครๆ ก็รู้ว่ามีประโยชน์มากมาย แต่เชื่อหรือไม่ว่า กล้วยสามารถช่วยล้างลำไส้ได้เป็นอย่างดี เพราะอุดมไปด้วยธาตุโปแตสเซียมและวิตามินซี และยังให้พลังงานสูง ดังนั้นควรกินกล้วยให้ได้วันละ 1 ลูกเป็นประจำทุกวัน 

   แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารเพกตินในแอปเปิ้ลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมาก ซึ่งมันจะทำหน้าที่เป็นไม้กวาด ทำความสะอาดลำไส้ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นน้ำย่อย นอกจากนี้ยังมีวิตามินและเกลือแร่ แต่อย่าปอกเปลือกเชียวนะ 




    สับปะรด มีเอนไซม์โปรตีนสูง เอนไซม์ตัวนี้จะช่วยการทำงานของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะ และช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น เชื่อกันว่าสับปะรดช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่สึกหรอช่วยการทำงานของต่อมไร้ท่อ และช่วยกำจัดน้ำมูก  





   องุ่น เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับ ลำไส้ และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูกที่ออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆ ในร่างกาย องุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใข้ได้ง่าย อุดมไปด้วยเกลือแร่ ดังนั้น ช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ ในร่างกาย  




วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

ผลไม้มงคล

1. สาลี่ 
    หมายถึง การรักษาคุณงามความดีเอาไว้อย่างมั่นคง หรือรักษาซึ่งโชคลาภเงินทองมิให้เสื่อมถอย 

2. องุ่น 
    หมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองทั้งหน้าที่การงานและชีวิต

3. แอปเปิ้ล 
    หมายถึง การมีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์ 

4. ส้ม 
    หมายถึง ความมีโชคดี ประสบแต่สิ่งดีๆ เป็นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว

5. พลับ 
    หมายถึง จิตใจที่หนักแน่น (อยู่ในธรรม) อย่างมั่นคง สามารถล่วงพ้นอุปสรรคนานาได้อย่างราบรื่น, มีความขยันมั่นเพียรเป็นที่ตั้ง ฯลฯ

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์จาก ผลไม้ ที่คนไทยไม่คุ้น


แก้วมังกร (Dragon Fruit)  
   แก้วมังกร เป็นไม้จำพวกแคนตัส (ตะบองเพชร) เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากอเมริกาใต้ ส่วนไทยนำเข้ามาจากเวียดนาม ที่ได้ชื่อว่า แก้วมังกรนั้น เพราะผลมีลักษณะคล้ายลูกแก้ว อยู่กึ่งกลางระหว่างกิ่ง 2 กิ่ง (คล้ายมังกรกำลังเฝ้าลูกแก้ว) พันธุ์นี้จะมีเนื้อสีขาว ส่วนพันธุ์ที่เนื้อสีแดงจะเป็นสายพันธุ์มาจากไต้หวัน พืชจำพวกกระบองเพชรอย่างแก้วมังกร จะมีสารมิวซิเลจ (Mucilage) จำพวกโปลีแซคคาไรด์เชิงซ้อนอยู่มาก ซึ่งจะช่วยควบคุมน้ำตาลกลูโคสในผู้ที่เป็นเบาหวาน โดยไม่พึ่งอินซูลินและสามารถลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และ LDL คอเลสเตอรอลได้นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มธาตุเหล็ก บรรเทาอาการเลือดจาง และยังมีสรรพคุณในการป้องกันโรคหัวใจ ความดันเลือด ตับ เบาหวาน มะเร็งลำไส้ และต่อมลูกหมาก ทั้งยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ
แก้วมังกร (Dragon Fruit) 

อโวคาโด (Avocado) 
   อโวคาโด มีบ้านเกิดอยู่ในเม็กซิโก เป็นผลไม้ที่เจริญเติบโตได้ดีในประเทศเขตร้อนหรือกึ่งร้อน ซึ่งมีปลูกในไทยมานานแล้ว นำเข้ามาโดยหมอสอนศาสนาแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เพราะรสชาติไม่เป็นที่คุ้นลิ้นคนไทย นอกจากนี้หลายคนยังคิดว่าอโวคาโดมีไขมันและคอเลสเตอรอลมาก แต่จริงๆ แล้ว ไขมันในอโวคาโดเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายเหมือนน้ำมันมะกอก ทั้งยังมีวิตามิน อี สูง ทำให้มีสรรพคุณในการบำรุงผิว
อโวคาโด (Avocado) 
กีวี (Kiwi)  
    กีวี ผลไม้หน้าตาประหลาด สีน้ำตาล มีขน มองอย่างไรก็ไม่เห็นจะน่ากินตรงไหน กีวีมีถิ่นเกิดอยู่ที่เมืองจีน แต่เป็นที่นิยมที่นิวซีแลนด์ กีวี มีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 2 เท่า กากใยก็มากกว่าแอปเปิ้ล นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียม จึงมีส่วนช่วยลดความดันเลือด ลดความเครียดและความอ่อนเพลีย ทั้งยังช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นด้วย
กีวี (Kiwi)

ลูกพรุน, ลูกพลับ และลูกไหน (Prun, Plub & Plum)
    หลายคนคงสงสัยว่า ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ ต่างกันอย่างไร ความจริงแล้ว ผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ คือ ผลไม้ชนิดเดียวกัน เพียงแต่ลูกพรุนเป็นการนำลูกพลับมาตากแห้ง ส่วนลูกไหนเป็นชื่อที่คนจีนเรียกลูกพลับ ประโยชน์ของลูกพรุนนี้มีคุณค่าทางอาหารสูงมาก อุดมไปด้วยไฟเบอร์ แมกนีเซียม เหล็ก โปแตสเซียม และวิตามิน บี สาวๆ ที่ต้องการลดความอ้วน กินลูกพรุนเยอะๆ จะดี เพราะลูกพรุนมีไขมันต่ำ แคลอรี่น้อย แถมเป็นยาระบายอ่อนๆ อีกด้วย
ลูกพรุน, ลูกพลับ และลูกไหน (Prun, Plub & Plum)

ทับทิม (Punica/Stone Apple) 
   ทับทิม เป็นผลไม้ขนาดเล็ก นิยมปลูกเป็นไม้มงคลหรือประดับเพื่อความสวยงามมากกว่าจะนำไปใช้ประโยชน์เป็นร่มเงา ทับทิมนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอก ใบ ราก และผลยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียม วิตามินซี และวิตามินบี๖ ที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ให้อยู่ในรูปที่ร่างกายต้องการและนำไปใช้ประโยชน์ได้ จึงทำให้ทับทิม มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง ขับพยาธิ แก้ร้อนใน แก้ไข้ตัวร้อน บรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหาร แก้ริดสีดวงทวาร
นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นยาบำรุงเลือดได้ ด้วยความที่ทับทิมมีรสหวานอมเปรี้ยว จึงทำให้อุดมไปด้วยวิตามินซี จึงช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันได้
ทับทิม (Punica/Stone Apple) 
กระทกรก / เสาวรส (Passion Fruit)  
   กระทกรก หรืออีกชื่อหนึ่งคือ เสาวรส เป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงสายตา และผิวพรรณ เนื่องจากมีวิตามินเอ สูง ทั้งยังช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ลดไขมันในเส้นเลือด และโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ในเสาวรสนั้นมีวิตามินซี สูง คือ 39.1 มก./100 มก. ซึ่งมีมากกว่ามะนาวเสียอีก

กระทกรก / เสาวรส (Passion Fruit)  

มะเม่า (Mamao)
   มะเม่า เป็นผลไม้สมุนไพร สายพันธุ์เดียวกับเบอร์รี่ มีบ้านเกิดอยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย เป็นพืชที่นิยมมาทำเป็นไวน์ผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่ต่างชาตินิยมเป็นอย่างมาก เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารมาก เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินซี, บี1, บี2 และวิตามิน อี ทั้งยังให้แคลเซียมและธาตุเหล็กด้วย มีฤทธิ์ในการช่วยขับปัสสาวะ บำรุงไต แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย แก้มดลูกอักเสบบวมช้ำ ขับเลือดและน้ำคาวปลา
มะเม่า (Mamao)